กรณีนี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดย Ms Sanford สุภาพสตรีอายุ 32 ก็เป็นอีกผู้หนึ่ง ที่ชื่นชอบการ แชะ แชร์
บนสื่อสังคมออนไลน์
เมื่อไปพบเห็น ได้ยิน อะไรที่ชอบ หรือไม่ชอบ
ก็เป็นธรรมดาที่เธอจะต้องโพสต์ แชร์
ไปตามปกติชีวิตประจำวัน
ไม่ว่าจะอยู่ ที่ไหน ก็ไม่เป็นอุปสรรค ขอให้มีโทรศัพท์ และคลื่นสัญญาณที่ใช้การได้
ไม่เว้นแม้แต่ขณะขับรถ แน่นอนว่า
การกระทำดังกล่าวอาจมีความผิดตามกฎหมายจราจร แต่หลายคนในหลายครั้ง
ก็มักอดไม่ได้ที่จะทำผิดกฎหมายแบบนี้
วันเกิดเหตุในเดือนเมษายน ปี 2014 คุณ Sanford ก็ขับรถไปทำงานบนทางหลวง ขณะขับก็เปิดเพลงฟังไปด้วย เมื่อฟังแล้วรู้สึกฟินอินได้ที่
ก็เป็นธรรมดาที่อยากจะแชร์อารมณ์ ณ ห้วงเวลานั้นให้สังคมออนไลน์ได้รับรู้
เธอก็ถ่ายเซลฟี่ตัวเอง พร้อมกับโพสต์ข้อความ ว่าเพลงที่มีความสุขทำให้ฉันมีความสุข มีการพิมพ์ตัวใหญ่คำว่าความสุขคำสุดท้ายด้วย
เน้นให้เห็นว่า มันสุขจริงๆ “The happy song makes me so HAPPY.”

แต่นั่น กลับกลายเป็นความสุขครั้งสุดท้ายของเธอ เมื่อในเสี้ยววินาทีต่อมา รถของเธอก็ประสบอุบัติเหตุชนกับรถบรรทุกและเกิดเพลิงลุกไหม้

แต่นั่น กลับกลายเป็นความสุขครั้งสุดท้ายของเธอ เมื่อในเสี้ยววินาทีต่อมา รถของเธอก็ประสบอุบัติเหตุชนกับรถบรรทุกและเกิดเพลิงลุกไหม้
รายงานข่าวแจ้งว่า ในตอนแรก
ตำรวจไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงอื่นของอุบัติเหตุ เช่น แอลกอฮอล์ การเสพยา
หรือความเร็วเกินกำหนด
จนกระทั่งมีเพื่อนของเธอมาแจ้งว่า พบข้อความหลายข้อความที่เธอโพสต์ในเวลาไล่เลี่ยกับที่เกิดอุบัติเหตุ
ซึ่งรวมทั้งภาพเซลฟี่และข้อความสุดท้ายดังกล่าว
โฆษกตำรวจแห่ง High Point กล่าวว่า
เหตุที่เกิดขึ้นแสดงถึงว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากคุณขับรถและพิมพ์ข้อความไปด้วย “showing what happens when you text and drive”
กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน หากดูตามกฎหมายไทย
การใช้โทรศัพท์เวลาขับรถเป็นสิ่งต้องห้ามเช่นเดียวกัน
จนเกิดมหากาพย์ระหว่างตำรวจกับประชาชนมากมาย
ทั้งมีการนำกล้องคุณภาพสูงมาตรวจจับผู้กระทำผิด มหกรรมการบังคับใช้กฎหมาย จับปรับ
อย่างเข้มงวด
การห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ คงจะต้องปรากฏอยู่ต่อไปในกฎหมายของหลายประเทศ แต่ก็ต้องยอมรับว่า
การฝ่าฝืนกฎหมายนี้ก็ยังคงจะปรากฏให้เห็นอยู่ต่อไป ไม่ว่าการบังคับใช้กฎหมายจะเกิดขึ้นอย่างเข้มงวดหรือไม่เข้มงวดก็ตาม
เพราะพฤติกรรมเซลฟี่ แชะ แชร์ มันฝังรากลึกเป็นพฤติกรรมที่ยากจะปรับเปลี่ยนแล้ว
เราคงต้องยอมรับในความเป็นจริงข้อนี้
คนยุคนี้ส่วนมาก เมื่อเกิดอารมณ์ใดๆ
ผุดขึ้นมาในความคิด ไม่ว่าดีหรือร้าย
บวกหรือลบ
ก็อดไม่ได้ที่จะต้อง แชะ แชร์ โชว์ บอกชาวโลกให้ร่วมรับรู้
ข้อมูลในห้วงอารมณ์นั้นๆ มันพลาดไม่ได้ จริงๆ
เพราะหากเลยเวลา ณ จุดนั้นไป
อารมณ์ก็อาจถูกกระทบด้วยสิ่งอื่นและเปลี่ยนไปสนใจจะแชร์เรื่องอื่นไปแล้ว
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ชีวิตของคนแชร์
บางทีก็ขึ้นอยู่กับห้วงเวลาวินาทีนั้นเช่นกัน
มันเป็นวินาทีที่อาจต้องแลกระหว่าง
การเสียโอกาสแชร์ให้โลกรู้อารมณ์ตอนนั้น กับ เสียชีวิตทั้งหมดของตนไป
อ้างอิงแหล่งข่าว